Utilizing Library Data เป็นหัวข้อที่ 2 ที่ Prof. Dr. Sam Oh (Sungkyunkwan University, South Korea Dean, SKKU Library) เป็นวิทยากรบรรยายในงานสัมมนา เรื่อง I-School and Data Science: Knowledge and Experience from South Korea ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562
Prof. Dr. Sam Oh ได้กล่าวถึงเครือข่ายและระบบที่มีการจัดเก็บข้อมูลด้านห้องสมุด ได้แก่
National Library Statistics System (http://libsta.go.kr โดย กระทรวงวัฒนธรรม) มีการจัดเก็บข้อมูลห้องสมุดในด้านประเภทของห้องสมุด ความรับผิดชอบ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เบอร์แฟกซ์ โฮมเพจ ยูอาร์แอล เป็นต้น จัดทำรายงานผลเป็นรูปแบบ visualization
KOLIS-NET (The National Cataloging System by NLK) เป็นเครือข่ายที่ห้องสมุดประชาชนมากกว่า 1,400 แห่ง และห้องสมุดของรัฐบาลสามารถใช้ระบบในการลงรายการทางบรรณานุกรมร่วมกันเป็นระบบกลางผ่าน KOLIS-NET (https://www.nl.go.kr/kolisnet/) เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 มีการสนับสนุนให้มีมาตรฐานในการลงเมทาดาทาที่ได้รับการยอมรับ สาระสังเขป และสารบัญ ทั้งนี้ ประเทศเกาหลีใต้ มีการจัดทำ KOMARC เพื่อเป็นมาตรฐานในการลงรายการทางบรรณานุกรมเป็นของประเทศตนเอง
National InterLibray Loan : Library One (https://www.nl.go.kr/nill/user/index.do) เป็นระบบการยืมระหว่างห้องสมุดแห่งชาติของเกาหลีใต้ ซึ่งใช้เพียงบัตรเดียวก็สามารถยืมได้
OCLC Classify (http://classify.oclc.org/classify2/)
เป็นระบบที่เก็บข้อมูลทางบรรณานุกรมของสหบรรณานุกรมใน WorldCat ซึ่งพัฒนาโดย OCLC นำเมทาดาทาที่อยู่ในระบบมาวิเคราะห์ ซึ่งสามารถให้ข้อมูลเมทาดาทาอย่างง่ายพร้อมเลขหมู่ในระบบดิวอี้และระบบรัฐสภาอเมริกัน ช่วยให้บรรณารักษ์เห็นและเปรียบเทียบหัวเรื่องที่มีการให้แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังให้บรรณารักษ์ยืนยันข้อมูลผ่านระบบ VIAF (Virtual International Authority File) อีกด้วย เป็นการทำงานที่สัมพันธ์หรือเชื่อมโยงในระบบของ OCLC
OCLC Classify
Read the rest of this entry »
จากการเข้าร่วมสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง i-School and Information Science Education in South Korea โดย Prof. Dr. Sam Oh, Sungkyunkwan University, South Korea, SKKU Library เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สามารถสรุปเนื้อหาได้ ดังนี้
i-School เป็นภาคีความร่วมมือของสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับการบริหารจัดการสารสนเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารสนเทศจากหลากหลายสาขาในสถาบันต่างๆ มาร่วมกันแบ่งปัน องค์ความรู้ ประสบการณ์ ทรัพยากร เพื่อพัฒนาสร้างหลักสูตรด้าน Information Science ร่วมกัน ซึ่งมุ่งหวังในการผลิตบัณฑิตที่จบมาให้สามารถหางานได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นจากการนำความต้องการในการทำงานจากภาคอุตสาหกรรมและบริษัทเอกชนมาใช้ในการออกแบบหลักสูตร กำหนดโจทย์ให้นักศึกษาใช้ฝึกฝน เรียนรู้จากปัญหาที่พบในการทำงานจริง ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการในการรับบัณฑิตกลุ่มนี้เข้าทำงาน โดย i-School เริ่มต้นในปี 2003 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับความมือจากทวีปอื่น เช่น ยุโรป เอเซีย ตามมา แต่สำหรับประเทศไทยยังไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของ i-School
เนื่องจากในปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเราทุกคนได้เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตและการทำงาน เราจึงควรนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ตัวอย่างเช่น ที่ประเทศเกาหลีใต้ มีการนำข้อมูลจำนวนประชาชนที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ในช่วงเวลาต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจว่า จะเลือกรถเมล์สายใดในการเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยวิเคราะห์ดูข้อมูลจากสถิติสัญญาณโทรศัพท์ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของป้ายรถเมล์ ดังนั้น ในการนำข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่รอบตัวเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์นั้น จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการของ Information Science ที่เป็นศาสตร์ในการศึกษา ความเชื่อมโยง ปฎิสัมพันธ์ ในความสัมพันธ์ของ 3 สิ่ง ได้แก่ มนุษย์ ข้อมูลสารสนเทศ และเทคโนโลยี โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดเก็บและบริหารจัดการสารสนเทศ ประมวลผลข้อมูลเหล่านั้น แล้วนำมาวิเคราะห์ให้มนุษย์ใช้ในการตัดสินใจ
วิทยากรได้แนะนำ i-School โดยมีลักษณะของการเป็นสมาชิกในหลากหลายรูปแบบ จุดเด่นของ i-School เช่น การเป็น i-School จะเป็นการนำไปสู่การเป็น Data Science และ Digital humanities ซึ่งทั้งสองเรื่องสำคัญมากพอๆ กัน iPerspective (หรือ information perspective) จะยั่งยืนได้ต้องมีใจที่เปิดกว้าง พนักงานหรือบุคลากรที่มีนวัตกรรมจะเป็นตัวเชื่อมนักศึกษาและอุตสาหกรรมในการทำงาน โครงการแลกเปลี่ยนที่เป็นสากลจะทำให้นักศึกษาที่มุมมองที่กว้างขึ้น ฯลฯ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกรินทร์ ยลระบิลได้บรรยายถึงที่มาของ “การออกแบบประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานด้วยข้อมูลพฤติกรรม” ในงานสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง I-School and data science : knowledge and experience from South Korea วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สรุปความได้ดังนี้
การออกแบบประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานด้วยข้อมูลพฤติกรรม เกิดจากความต้องการใช้บริการของนักศึกษาที่เปลี่ยนไป ประกอบกับเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และงบประมาณที่หอสมุดมีอย่างจำกัด ทำให้ต้องเริ่มศึกษาพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้บริการในด้านการใช้ชีวิต การใช้เครื่องมือต่างๆ และพบคำว่า “UBIQUITOUS” ซึ่งหมายถึง การให้บริการทุกที่ ทุกเวลา ทุกเครื่องมือ ทุกช่องทาง จึงได้นำคำดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการให้บริการของสำนักหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์ของหอสมุดที่ว่า “To be one of the best provider in ubiquitous learning and researching in Asia”
สำนักหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กำหนดแนวทางในการพัฒนางานบริการออกเป็น 5 ระดับ โดยอ้างอิงทฤษฎีกรอบแนวความคิดจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ประกอบด้วย
1. EMPATHIZE
2. DEFINE
3. IDEATE
4. PROTOTYPE
5. TEST
จากการฟังเสวนาในหัวข้อ “การใช้แอปพลิเคชั่นไลน์แอดเพื่อยกระดับคุณภาพบริการ หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” โดย นางสาวกรวรรณ ดีวาจา ในงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง I-School and data science : knowledge and experience from South Korea วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สามารถสรุปได้ดังนี้
นางสาวกรวรรณ ดีวาจา บรรณารักษ์ห้องสมุดนงเยาว์ชัยเสรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวถึง การนำแอปพลิเคชั่นไลน์แอดมามีบทบาทในการทำงานในด้านการประชาสัมพันธ์โดยการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตพบว่า ไลน์แอดเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่คนไทยใช้มากที่สุดจึงได้นำไลน์แอด (Line@) มาใช้ในงานหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยมี
ผู้เขียนได้เข้าฟังการบรรยาย เรื่อง บทบาทของบรรณารักษ์และการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ : ประสบการณ์จากการวิจัย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นฤตย์ นิ่มสมบุญ สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในงานสัมมนาทางวิชาการเรื่อง I-School and data science : knowledge and experience from South Korea วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตสรุปความได้โดยสังเขป ดังนี้
การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ คือ การศึกษา และค้นคว้าสารสนเทศอย่างเป็นระบบแล้วนำมาสังเคราะห์ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและนำไปใช้ในการปฏิบัติจริง โดยต้องเป็นสารสนเทศที่น่าเชื่อถือได้ มีมาตรฐาน โดยการกำหนดเกณฑ์การคัดเลือก ที่มีการตกลงกันไว้ก่อน มีการกำหนดวิธีการสืบค้นที่แม่นยำ เที่ยงตรง และเชื่อถือได้ ดังนั้น การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ จึงมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
บรรณารักษ์มีส่วนในการช่วยนักวิจัยในการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ บรรณารักษ์มีหลายบทบาท ตั้งแต่การเป็นผู้แนะนำฐานข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการสืบค้นข้อมูล บรรณารักษ์ในฐานะเป็นผู้ร่วมวิจัย ในฐานะเป็นที่ปรึกษา ในฐานะเป็นผู้ให้การศึกษา Database Selection การพิจารณาคัดเลือกฐานข้อมูลในการสืบค้น เช่น
Librarian as co-researcher (บรรณารักษ์ในฐานะเป็นผู้ร่วมวิจัย)
มีงานวิจัยรองรับว่า การทำงานกับบรรณารักษ์สามารถเพิ่มคุณภาพในการสืบค้น โดยเฉพาะเมื่อบรรณารักษ์มีความรู้เกี่ยวกับการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ เพราะบรรณารักษ์เชี่ยวชาญด้านกระบวนการกำหนดคำสำคัญและกำหนดหัวเรื่อง Read the rest of this entry »
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้เขียนและบุคลากรของศูนย์บรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในหัวข้อเรื่อง Electronic Resource Selection Principle and API โดยสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เชิญ Dr.Jin Chen จาก Shanghai Jiao Tong University Library มาเป็นวิทยากรในกิจกรรมดังกล่าว ขอสรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
Shanghai Jiao Tong University Library มีการบริหารจัดการทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic resources) โดยใช้หลักการ Three-One-Rule หรือ Trisection Unity Rule โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ ให้เข้มแข็ง ได้แก่
1. กลุ่มอาจารย์และนักศึกษา เป็นหลักในการพิจารณาความต้องการในการใช้ 2. บรรณารักษ์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขา (Subject Librarians) เพื่อเป็นผู้แนะนำฐานข้อมูลแต่ละสาขาที่เหมาะสม 3. บรรณารักษ์จัดหาทรัพยากรสารสนเทศ (Acquisition Librarians) เพื่อให้เกิดความสมดุลในการบริหารจัดการและการควบคุมการใช้งบประมาณและทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์
ในการเลือกซื้อนั้น มีข้อควรพิจารณาคือ
1. ลักษณะของทรัพยากรสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ จะพิจารณาเป็น package มากกว่าเป็นรายชื่อ และซื้อเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 70 ของงบประมาณทั้งหมด 2. องค์ประกอบในการพิจารณาเลือกซื้อ ได้แก่ ปริมาณ คุณภาพ การใช้ประโยชน์ และราคา 3. การประเมินผล มีการประเมินทั้งก่อนซื้อและหลังซื้อ (เมื่อมีการใช้งานแล้ว) Read the rest of this entry »
I-School and Data Science: Knowledge and Experience from South Korea
สำนักหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดการสัมมนา เรื่อง I-School and Data Science: Knowledge and Experience from South Korea ณ ห้องกิจกรรม ชั้น 2 หอสมุดป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 มีผู้เข้าร่วมฟังการบรรยาย ประมาณ 120 คน ประกอบด้วยการบรรยาย 5 หัวข้อ ได้แก่
I-school and Information Science Education in South Korea โดย Prof. Dr. Sam Oh (Sungkyunkwan University, South Korea Dean, SKKU Library)
Utilizing Library Data โดย Prof. Dr. Sam Oh (Sungkyunkwan University, South Korea Dean, SKKU Library)
บทบาทของบรรณารักษ์กับการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ: ประสบการณ์จากการวิจัย (Systematic review) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์นฤตย์ นิ่มสมบุญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การออกแบบประสบการณ์ให้ผู้ใช้งานด้วยข้อมูลเชิงพฤติกรรม (UX Design using Library Analytics) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอกรินทร์ ยลระบิล ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การใช้แอปพลิเคชั่นไลน์แอดเพื่อยกระดับคุณภาพบริการ หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย นางสาวกรวรรณ ดีวาจา บรรณารักษ์ห้องสมุดนงเยาว์ ชัยเสรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
งาน APRC หรือ Asia Pacific Regional Council Conference ประจำปี 2018 ของ OCLC จัดภายใต้หัวข้อ Change the Game ที่ประเทศไทย ณ โรงแรมเชอราตัน ระหว่างวันที่ 28 – 29 พฤศจิกายน 2561 Skip Prichard ซึ่งเป็น CEO ของ OCLC ได้พูดถึงความสำคัญของคำว่า Change the Game ภายใต้หัวข้อ How can we change the game? ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้
ห้องสมุดเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
Skip Prichard เกริ่นนำ โดยพูดถึงเรื่องรอบ ๆ ตัว ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น แผนที่แบบกระดาษ เปลี่ยนเป็นแผนที่ดูจากคอมพิวเตอร์ จากโทรศัพท์มือถือ ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญที่ไม่มีใครใช้แล้ว ก็เปลี่ยนเป็น การใช้โทรศัพท์ในมือของตนเอง การเฝ้าบ้านที่เคยใช้สุนัข ก็เปลี่ยนเป็น การดูแลบ้านผ่านโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็กล่าวถึง เกมส์ ให้เราเข้าใจมากขึ้น จากพัฒนาการแบบง่าย ๆ เช่น ตู้เกมส์จอดำ เกมส์แบบตลับ เกมส์คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนรูปแบบไปอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้น ถึงคราวที่ห้องสมุดต้องเปลี่ยนแล้ว
จุดเปลี่ยนที่ วิทยากร กล่าวคือ สิ่งที่ห้องสมุดต้องเปลี่ยนใน 4 ด้าน ได้แก่
การเปลี่ยนของจุดเปลี่ยนทั้ง 4 ด้านต้องเริ่มจากตัวเราเอง เปลี่ยนที่ตัวเราเอง แล้วส่งต่อการเปลี่ยนแปลงให้คนอื่น อย่าสั่งให้คนอื่นเปลี่ยนโดยที่ตัวเองทำแค่สั่ง เพราะสุดท้ายมันไม่เกิดประโยชน์ ดังนั้น นอกจากเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแล้ว ที่สำคัญสิ่งที่ต้องรักษาไว้ก็คือ
บทสรุปจากการฟังในวันดังกล่าว สื่งที่ต้องเปลี่ยน ทั้ง 4 ด้านแล้ว ที่สำคัญที่สุด ในความคิดที่ได้จากการฟัง ต้องเปลี่ยนความคิดตัวเอง (Mindset) หมายความถึงบรรณารักษ์ยุคใหม่ต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองก่อน ก้าวตามโลกให้ทัน ต้องมีแนวคิดที่ทันสมัย ตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และ อีกสิ่งที่ต้องเก็บไว้รักษาไว้ คือ ความเป็นเอกลักษณ์ของห้องสมุด เช่น เป็นแหล่งที่มีข้อมูลหลากหลายจัดเก็บอย่างเป็นระบบด้วยมืออาชีพ และต้องเก็บความหลงใหล Passion ความรักในห้องสมุดอย่างยั่งยืน
คุณ Kalliope Stavridaki ผู้เชียวชาญด้านการตลาด เป็นวิทยากรในงาน OCLC Asia Pacific Regional Council Conference 28 – 29 November 2018 ณ โรงแรมเชอราตัน กรุงเทพฯ โดยมีการจัดภายใต้หัวข้อ APRC 2018 Change the Game (เมื่อวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2561) มาบอกเล่าแนวคิดในประเด็น การใช้ประโยชน์จาก Social Media มาเสริมสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างผู้ใช้บริการกับห้องสมุด หรือ การทำให้ผู้ใช้บริการติดอกติดใจห้องสมุดมาใช้บริการอยู่เสมอนั่นเอง โดย คุณ Kalliope Stavridaki เป็นวิทยากรร่วมกับ Adrianna Astle ในหัวข้อ How can you and your library transform user engagement?
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้น ล้วนแล้วแต่มีการติดต่อสื่อสารข้อมูลกันบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงหนีไม่พ้นการนำ Social Media มาใช้ประโยชน์ เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงผู้ใช้บริการกับห้องสมุดเข้าหากัน ซึ่งมีเทคนิคง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่สามารถใช้ดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้บริการได้จริง ดังต่อไปนี้
1. Get organized วางแผนกำหนดตาราง งาน / กิจกรรม / สิ่งที่จะดำเนินการ ในแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจน แล้วนำไปเผยแพร่ใน Social Media 2. Follow and listen ติดตามผลงานและรับฟังกระแสตอบรับที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณ Kalliope ได้นำเสนอตัวอย่างให้เห็นว่า ในยุคสมัยนี้ บุคลากรของห้องสมุดสามารถใช้ประโยชน์จาก facebook, instagram ในการโต้ตอบหรือสื่อสารข้อมูลที่น่าสนใจออกไปเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนบนเครือข่าย Social Media ได้ ดังรูป Read the rest of this entry »
Transforming trend insights into innovation โดย Nathania Christy , Head of Global Insight Network เป็น member session วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ของ OCLC Asia Pacific Regional Council Conference 28 – 29 November 2018 : BANGKOK THAILAND (APRC 2018 Change the Game) วิทยากรได้แนะนำ Trend Watching ว่าเป็นฐานข้อมูลที่รวบรวม Trend ของอุตสาหกรรมหลายๆ ประเภท ซึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์
ในปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การที่เราจำเป็นต้องรู้ Trend จะทำให้เราทราบความคาดหวังและความต้องการของผู้ใช้บริการ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดย Trend หลักๆ ที่วิทยากรนำเสนอ และตั้งคำถามให้เราคิดตามด้วยทุกข้อตามความเข้าใจของผู้เขียน สรุปได้ดังนี้
1. STATUS SANDCASTLES สถานภาพทางสังคม (Social Status)
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย 1.8 พันล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพ ทักทายผู้คนด้วยอินสตราแกรม แชร์ประสบการณ์ทุกสิ่งอย่างบนเฟสบุ๊กส์ แล้ว “เราจะใช้ทรัพยากรหรือพื้นที่ในห้องสมุดของเราให้ผู้ใช้บริการบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาได้อย่างไร??” ตัวอย่างที่วิทยากรนำเสนอ เช่น IKEA สอนการทำอาหารอย่างง่าย ฯลฯ
2. FANTASY IRL การออกจากโลกของความเป็นจริง
เขตแดนระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกจินตนาการกำลังจางหายไป และในปี 2562 ผู้บริโภคจะแสวงหาการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่วิทยากรนำเสนอ เช่น การนำชมพิพิธภัณฑ์ Louvre ตามมิวสิควีดีโอของ Beyonce และ Jay – Z, Man city and fantom นาฬิกาบอกตารางการแข่งขันของทีม Man city เป็นต้น “กลุ่มเป้าหมายของของคุณหนีไปสู่โลกแบบไหน? คุณจะทำให้เขตแดนนั้นพร่ามัวต่อไป หรือจะดึงดูดและกระตุ้นพวกเขาได้อย่างไร?? ”
3. MAGIC TOUCHPOINT สัมผัสมายากล / สัมผัสมหัศจรรย์
ผู้บริโภคคาดหวังว่าจะได้รับบริการจาก MAGIC TOUCHPOINT ราวกับว่าเป็นจินนี่กับตะเกียงวิเศษ ตัวอย่างเช่น พวกเขาต้องการแชทโดยไม่ต้องดาวน์โหลดโปรแกรม, จองการเดินทางได้ทุกที่ ทุกเวลา, Intime mall ที่มีบริการ magic mirror ในห้องน้ำหญิง เป็นต้น “คุณคิดจะใช้เทคโนโลยีเพื่อความสุขได้นี้ได้อย่างไร Touch point ไหนที่คุณสามารถฝังบริการของคุณลงไป?? ”
4. VILLAGE SQUARED (Connection) การเชื่อมโยงหรือเครือข่าย ไม่มีใครอยู่ได้โดยไม่ติดต่อสัมพันธ์กับใคร
ผู้บริโภคในปี 2019 นิยามการเชื่อมโยงใหม่และยอมรับวิธีการใหม่ในการสร้างชุมชน ตัวอย่างเช่น สายการบิน KLM มี Airline’s translation seats ติดต่อกับผู้โดยสารที่สนามบิน, โรงเรียนในชนบทของ Chennai ออกแบบเหมือนหมู่บ้าน โดยเน้นการเรียนการสอนที่ทำอย่างไรให้เด็กๆ มีความสุข , โฆษณาเบียร์ไฮเนเกนส์ ในประเทศอินเดีย ที่แสดงให้เห็นช่องว่างระหว่างเจนเนอเรชั่น ปัญหาที่แท้จริงก็คือพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีการพูดคุยหรือสื่อสารซึ่งกันและกัน เป็นต้น “คุณสามารถทำอะไรกับพื้นที่ของคุณ, นโยบาย, ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์, รูปแบบประสบการณ์ที่สามารถทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างมีความหมาย?? ”
ท้ายที่สุดของการฟังสัมมนาในหัวดังกล่าว ผู้เขียนได้ข้อสรุปและประทับใจจากการนำเสนอของวิทยากรทั้งการบรรยายและ Presentation ว่า Trend ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง และงานห้องสมุดไม่ใช่เรื่องยาก โดยเฉพาะผู้เขียนซึ่งไม่ได้จบบรรณารักษศาสตร์ แต่เมื่อต้องมาปฏิบัติงานห้องสมุด ต้องหมั่นเรียนรู้ และพัฒนาตนเองให้พร้อมในการบริการตลอดเวลา สอดคล้องกับประโยคที่ว่า “Open your mind …… open your world”