อันตรายและการควบคุมจุลินทรีย์ในอากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรม
Hazard and Control of Airborne Microorganisms in Industrial Plant
บทคัดย่อ:
ปัจจุบันจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในอากาศโดยเฉพาะอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความสนใจ มากขึ้น เนื่องจากในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งมีการใช้สารอินทรีย์อันเป็นปัจจัยที่ทำให้จุลินทีย์ที่ปนเปื้อนในอากาศสามารถเจริญเติบโตได้ดี และจุลินทรีย์ในอากาศโดยทั่วไปยังสามารถเกาะยึดกับฝุุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศได้ การหายใจโดยนำจุลินทรีย์ที่เกาะบนฝุ่น ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้มากกว่าการหายใจโดยนำเฉพาะฝุ่นหรือจุลินทรีย์เข้าไปอย่างเดียว บริเวณที่มีการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ เช่น บริเวณกระบวนการผลิต บริเวณปล่อยและเก็บของเสีย และอยู่ในที่มีความชื้นสูง อับอากาศและมีการระบายอากาศไม่เพียงพอ จะพบแบคทีเรีย เชื้อรา และสารพิษของจุลินทรีย์ เช่น เอ็นโดท็อกซินหรือมายโคท็อกซินได้มาก ดังนั้นในที่ที่มีฝุ่นละอองปนเปื้นอนสูงก็ย่อมจะทำให้จุลินทรีย์สามารถเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย การประเมินการสัมผัสเป็นสิ่งสำคัญที่บอกได้ว่าพนักงานที่สัมผัสกับจุลินทรีย์ในสถานที่ Read the rest of this entry »
คุณภาพชีวิตสตรีภายใต้ธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
Quality of Life of Thai Women under the 2007 Constitution and Related Laws
การศึกษาเรื่องคุณภาพชีวิตภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นงานวิจัยที่สนับสนุนโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อศึกษาเจตนารมณ์และสาระในการพิทักษ์ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตสตรี ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 รวมถึงอนุสัญญาระหว่างประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 แผนพัฒนาสตรีของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนในระดับท้องถิ่น และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง Read the rest of this entry »
การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่าย ผู้ป่วยอายุรกรรมในโรงพยาบาลหัวเฉียว
The Development of Discharge Planning Model for Medical Patients at Hua Chiew Hospital
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหน่ายผู้ป้วยอายุรกรรมและเพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบวางแผนจำหน่วยผู้ป่วยอายุรกรรมในโรงพยาบาลหัวเฉียววิธีดำเนินการวิจัย แบงเปน 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาสภาพปญหาของผูปวย ครอบครัว และผูใหบริการขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการวางแผนจำหนาย ขั้นตอนที่ 3 การประเมินผลการนำรูปแบบวางแผนจำหนายไปใช ประชากรและกลุมตัวอยางประกอบดวย ผูปวยอายุรกรรมที่มีอายุมากกวา 56 ปโดย แบงออกเปน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มศึกษาจำนวน 30 ราย และกลุ่มเปรียบเทียบที่ไม่ได้รูปแบบวางแผนจำหน่าย จำนวน 140 ราย ครอบครัวของผูปวยที่เปนกลุมศึกษา และผูใหบริการ ซึ่งไดแก แพทยอายุรกรรม พยาบาลหัวหนาหอผูปวย พยาบาลที่ปฏิบัติงานประจำหอผูปวยสามัญหญิง หัวหนาฝายการพยาบาล และหัวหนาศูนยพัฒนาคุณภาพ นักกำหนดอาหาร นักกายภาพบำบัด เครื่องมือที่ใชในการเก็บรวบรวมขอมูล ประกอบดวย 1) รายงานแบบประเมินและแบบบันทึกขอมูลจากผูปวย และ 2) เครื่องมือที่ใชเก็บรวบรวมปัญหาการวางแผนจำหน่ายจากญาติและครอบครัวผู้ป่วย รวมทั้งจากผู้ให้บริการการวิเคราะห์ขอมูล รายงานสถิติตาง ๆ ดวยคาเฉลี่ย สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคารักษาพยาบาลและวันนอนโรงพยาบาล ขอมูลที่ไดจากญาติและครอบครัวผูปวยและผูใหบริการดวยการวิเคราะหเนื้อหา ระดับและคะแนนความเสี่ยงในการดูแลตอเนื่องหลังจำหนายวิเคราะหดวยไคสแคว เปรียบเทียบผูปวยที่นำรูปแบบที่พัฒนาขึ้นไปใชกับกลุมผูปวยที่ใชรูปแบบเดิมดวย t-test ไดรูปแบบวางแผนจำหนายพื้นฐานหลักการของ A-B-C และกระบวนการพยาบาลแบงออกไดเปน 3 ขั้นตอน คือ 2.1) ขั้นการประเมินความเสี่ยงและความตองการการดูแลของผูปวยหลังจำหนาย 10 ดาน คือ 1) อายุ 2) ความเปนอยู/แรงสนับสนุนทางสังคม 3) ระดับสติปญญาและการรับรูนึกคิด 4) การเคลื่อนไหว 5) ขอจำกัดเกี่ยวกับประสาทสัมผัส 6) ประวัติการเจ็บปวยการนอนโรงพยาบาล/การเขาหองฉุกเฉินในชวง 3 เดือนที่ผ่านมา 7) จำนวนยาที่รับประทาน 8) จำนวนปัญหาโรคที่เป็นอยู่ 9) แบบแผนพฤติกรรม Read the rest of this entry »
การศึกษาการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้านเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนโดยเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
A Study of Family-Centered Care to Prevent Complications at Home in Patients with Cerebrovascular Disease
การศึกษาเชิงคุณภาพครั้งนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาปญหา ความตองการและความคาดหวังการบริการสุขภาพที่สนับสนุนการดูแลผูปวยโรคหลอดเลือดสมองที่บาน และสังเคราะหแนวทางเบื้องตนในการปองกันการเกิดภาวะแทรกซอนโดยเนนครอบครัวเปนศูนยกลางตามการรับรูของผูปวย ครอบครัว และบุคลากรสาธารณสุข ผูใหขอมูลเลือกแบบเจาะจง ประกอบดวย 1) ครอบครัวที่มีผูปวยโรคหลอดเลือดสมอง 8 ครอบครัว ผู้ป่วยจำนวน 2 ราย สมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้ดูแลหลัก 8 คน 2) บุคลากรสาธารณสุขจำนวน 10 คน โดยการสัมภาษณเจาะลึก การสังเกตแบบมีสวนรวม และไมมีสวนรวมวิเคราะหขอมูลเชิงเนื้อหาภายใตการพิทักษสิทธิ์และจริยธรรมการวิจัย Read the rest of this entry »
ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหวางผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ…สูการมีสวนรวมด้านการดูแลสุขภาพ
Authority Relationship between Health Care Provider and Client to Participation in Self-Care for Health
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้ใช้บริการทางด้านสุขภาพในแนวคิดเชิงอุดมคติควรมีความเสมอภาคซึ่งกันและกัน หรือมีความเป็นหุ้นส่วน ตั้งแต่วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา วางแผน และปฏิบัติตามแผนจนถึงการประเมินผลร่วมกัน แต่กระบวนการหรือกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน แม้กระทั่งในปัจจุบัน ฐานะความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการยังคงมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่ไม่เป็นไปตามแนวคิดเชิงอุดมคติที่ควรจะเป็น สิ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้ใช้บริการเป็นเช่นนั้น เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการดูแลสุขภาพ ประกอบด้วย วิวัฒนาการนโยบายการบรรลุสุขภาพดีถ้วนหน้าเชิงมิติสังคม ความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างผู้ให้และผู้ใช้บริการด้านสุขภาพ และวาทกรรมกับการสร้างความเป็นผู้ให้และผู้ใช้บริการด้านสุขภาพ ซึ่งพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้ใช้บริการเป็นไปในลักษณะของการใช้อำนาจของผู้ที่มีฐานะทางสังคมดีกว่า จึงทำให้เป็นผู้ที่มีการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจในการดำเนินการทางด้านสุขภาพโดยใช้ความคิดของตนเป็นหลักแต่เพียงผู้เดียวมากกว่าการฟังความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะจากผู้ใช้บริการ Read the rest of this entry »
การเพิ่มผลผลิตก๊าซชีวภาพจากกากตะกอนชีวภาพและการเตรียมชุดทดลองศึกษาศักยภาพการผลิตก๊าซชีวภาพ
Enhancement of biogas production from bio-sludge and batch experiment for biogas potential set-up
บทคัดย่อ
Anaerobic digestion is an efficient waste treatment and generates biogas. The producing biogas can be used for electricity and heat a generator. Biogas obtained from bio-sludge is an attempt to achieve the waste gain and minimization. The enhancement of biogas production from bio-sludge can be achieved by conducting of a treatment stage before or after anaerobic digestion. Thermal-alkaline condition at 170 C with pH 10 used ํ as a pre-treatment provided an improvement of 54% of biogas production while, athermal microwave showed an increase in 16% of biogas production. The important aspects to create a batch experiment on biogas potential from the waste include the homogeneity and analysis of the waste composition, which consists of total solids, volatile solids, total kjeldahl nitrogen, ammonium, lipids, COD, and pH. Volatile fatty acids evolution is recommended to monitor during the batch experiment for investigating the relation or inhibition effect on biogas production especially during the start-up period of the experiment. Nevertheless, considering of statistical and experimental control is also recommended for accuracy and reliability of the obtained results Read the rest of this entry »
ยาไฮบริด แนวทางใหม่ในการพัฒนายาต้านมาลาเรีย
Hybrid Drugs, A New Approach to Develop Antimalarial Drugs
ยาไฮบริด คือยาที่ไดนำเอาสวนออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา 2 ชนิดมารวมไวในโมเลกุลเดียวกัน วัตถุประสงคในการพัฒนายาไฮบริดนั้น ก็เพื่อที่จะเอาชนะปญหาการดื้อยาของเชื้อ ซึ่งเปนอุปสรรค ใหญของการบำบัดรักษาโรคติดเชื้อที่รายแรงอยางมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จะไดกลาวรวมถึง คุณลักษณะและโครงสรางทางเคมีของโมเลกุลยาไฮบริด โดยจะเนนตัวอยางการศึกษาพัฒนาตัวยาไฮบริด ใหมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย Plasmodium falciparum สายพันธุที่ดื้อยา ซึ่งผลจาก การศึกษาไดแสดงใหเห็นถึงความเปนไปไดในทางปฏิบัติของแนวคิดของยาไฮบริด และศักยภาพในการ พัฒนาและปรับปรุงสารตนแบบในกลุมนี้เพื่อใหเปนตัวยาสำหรับใชกับผูปวยไดในอนาคต Read the rest of this entry »
หลักกฎหมายห้ามย้อนหลังในประมวลกฎหมายอาญา
Ex post facto law in criminal code
หลักกฎหมายหามยอนหลังในทางอาญานี้เปนหลักนิติปรัชญาสากล มีตนกำเนิดมาจากภาษิต กฎหมายละตินวา Nullum crimen sine lege คือ ไมมีการกระทำความผิดหากไมมีกฎหมายกำหนด และ Nulla poena sine lege คือ บุคคลจะไมตองรับโทษหากไมมีกฎหมายกำหนดไว หลักกฎหมาย หามยอนหลังดังกลาวนี้หากเปนการยอนหลังในโทษทางอาญาถือเปนหลักกฎหมายเครงครัด ผูใช กฎหมายจะตีความเปนอยางอื่นนอกจากที่กฎหมายกำหนดไมได เวนแตกฎหมายที่ออกมาภายหลัง มีลักษณะเปนคุณแกผูกระทำความผิดยิ่งกวาและไมขัดหรือแยงกับรัฐธรรมนูญ ในรัฐธรรมนูญแหง ราชอาณาจกรไทย ั พทธศ ุ กราช ั 2550 หามม ใหิ มการออกกฎหมายท ี มี่ โทษทางอาญาย ี อนหล งอั นเป ั นผลร าย แกผูกระทำความผิด แตถาเปนกฎหมายอื่นที่ไมใชโทษทางอาญายังคงมีความเห็นเปน 2 แนวทาง แนว ทางแรกมองวา กฎหมายไมสามารถออกยอนหลังอันเปนผลรายแกผูกระทำความผิดไดไมวากรณีใด ๆ อีก แนวทางหนึ่งมองวา เฉพาะกฎหมายที่มีโทษทางอาญาเทานั้นที่ไมสามารถยอนหลังอันเปนผลรายแก ผูกระทำความผิดได แตถาเปนกฎหมายอื่นที่ไมใชกฎหมายที่มีโทษทางอาญา ไมมีกฎเกณฑใดหามมิให กฎหมายนั้นมีผลยอนหลัง Read the rest of this entry »
การศึกษาการดูแลต่อเนื่องที่เน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลางในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรก
The Study of Family-Centered Continuing Care in First Stroke Patients
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาปญหา ความตองการและความคาดหวัง ตลอดจน สังเคราะหแนวทางเบื้องตนในการดูแลผูปวยโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรกอยางตอเนื่องที่เนนครอบครัว เปนศูนยกลาง โดยใชการวิจัยเชิงคุณภาพ ผูใหขอมูลคือ ผูปวยโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรกจำนวน 7 คน สมาชิกในครอบครัวผูปวยที่เปนผูดูแลหลักจำนวน 7 คน บุคลากรสุขภาพจำนวน 11 คน เก็บขอมูลระหวางเดือนกุมภาพันธ – ตุลาคม พ.ศ. 2550 เครื่องมือที่ใชในการวิจัยคือ แนวคำถามใน การสัมภาษณเจาะลึก การสังเกตแบบมีสวนรวมและไมมีสวนรวมและตัวผูวิจัย ความนาเชื่อถือของ เครื่องมือไดจากการตรวจสอบแบบสามเสาขอมูลจากเครื่องมือทุกสวน วิเคราะหขอมูลดวยการ วิเคราะหเชิงเนื้อหาภายใตการพิทักษสิทธิ์ผูถูกวิจัย Read the rest of this entry »
มาลาเรียกับการตรวจวินิจฉัยทางภูมิคุ้มกันวิทยา
Malaria and Immunological Diagnosis
คณะผูวิจัยไดศึกษารวบรวมวิธีการวินิจฉัยโรคมาลาเรียดวยเทคนิคทางภูมิคุมกันวิทยา เพื่อ คนหาวิธีการตรวจวิเคราะหทางภูมิคุมกันวิทยาที่ดีและเหมาะสมในการตรวจวินิจฉัยโรคมาลาเรีย โดย การวิเคราะหขอมูลจากงานวิจัยตาง ๆ และมุงเนนเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการตรวจทาง ภูมิคุมกันวิทยาในดานความไว (sensitivity) และความจำเพาะ (specificity) ระหวางวิธี Indirect hemagglutination test (IHA), Indirect immunofluorescent antibody test (IFAT), Enzymelinked immunosorbent assay (ELISA) และ Immunochromatography (ICT) โดยใชวิธี microscopy หรือวิธีอื่นๆ ที่เปนวิธีมาตรฐาน พบวาวิธี ELISA ซึ่งใชในการตรวจหาแอนติบอดีชนิด IgG, IgM และโปรตีนชนิด HRP2 มีความไวอยูในชวง 68.2-100% และความจำเพาะ 63.5-100% วิธี IFAT ที่ใชตรวจหา IgG มีความไวอยูในชวง 40.0-86.4% ความจำเพาะ 91.7-99.6% วิธี IHA ใชใน การตรวจหา IgG มีความไวอยูในชวง 82.0-91.0% สวนวิธี Immunochromatography ซึ่งตรวจ หาโปรตีนชนิด HRP2 และเอนไซม PLDH มีความไวอยูในชวง 49.7-100% และความจำเพาะ 73.8- 100% ในสวนคุณสมบัติของแตละวิธีพบวาวิธี IFAT และ ELISA เปนวิธีที่มีความไวและความจำเพาะ สูง แตตองใชเครื่องมือพิเศษและใชระยะเวลาในการตรวจนาน ตางจากวิธี IHA ซึ่งทำไดงาย แตคา ความไวและความจำเพาะต่ำ สวนวิธี ICT มีความสะดวก รวดเร็วและมีความไวสูง แตมีความจำเพาะ ต่ำและราคาแพง ดังนั้น จากผลการศึกษาจึงสรุปไดวา ทุกวิธีการมีทั้งขอดีและขอจำกัดแตกตางกัน การเลือกใชวิธีใดในการตรวจวินิจฉัยขึ้นอยูกับหลายปจจัย เชน ชนิดของเชื้อมาลาเรีย พื้นที่ จำนวน ผูปวยและงบประมาณ เปนตน Read the rest of this entry »