อันตรายและการควบคุมจุลินทรีย์ในอากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรม
Hazard and Control of Airborne Microorganisms in Industrial Plant
บทคัดย่อ:
ปัจจุบันจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในอากาศโดยเฉพาะอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความสนใจ มากขึ้น เนื่องจากในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งมีการใช้สารอินทรีย์อันเป็นปัจจัยที่ทำให้จุลินทีย์ที่ปนเปื้อนในอากาศสามารถเจริญเติบโตได้ดี และจุลินทรีย์ในอากาศโดยทั่วไปยังสามารถเกาะยึดกับฝุุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศได้ การหายใจโดยนำจุลินทรีย์ที่เกาะบนฝุ่น ทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้มากกว่าการหายใจโดยนำเฉพาะฝุ่นหรือจุลินทรีย์เข้าไปอย่างเดียว บริเวณที่มีการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ เช่น บริเวณกระบวนการผลิต บริเวณปล่อยและเก็บของเสีย และอยู่ในที่มีความชื้นสูง อับอากาศและมีการระบายอากาศไม่เพียงพอ จะพบแบคทีเรีย เชื้อรา และสารพิษของจุลินทรีย์ เช่น เอ็นโดท็อกซินหรือมายโคท็อกซินได้มาก ดังนั้นในที่ที่มีฝุ่นละอองปนเปื้นอนสูงก็ย่อมจะทำให้จุลินทรีย์สามารถเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้นด้วย การประเมินการสัมผัสเป็นสิ่งสำคัญที่บอกได้ว่าพนักงานที่สัมผัสกับจุลินทรีย์ในสถานที่นั้นมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือไม่ จึงมีความจำเป็นต้องเลือกวิธีการเก็บตัวอย่างให้เหมาะสม การประเมินการสัมผัสกับจุลินทรีย์ในอากาศมีหลายวิธีวิธีที่นิยมใช้คือ การตกตะกอนของเชื้อบนอาหารเลี้ยงเชื้อ การตกกระทบ และการกรองเชื้อบนแผ่นกรอง เป็นต้น วิธีการตกตะกอนของเชื้อบนอาหารเลี้ยงเชื้อมีข้อดีคือ ทำได้ง่ายและราคาถูก แต่ใช้เวลาในการเก็บตัวอย่างนาน วิธีการตกกระทบมีข้อดีคือ สามารถทราบค่าความเข้มข้นและคัดขนาดจุลินทรีย์ได้ รวมถึงใช้เวลาในการเก็บตัวอย่างน้อย ส่วนข้อเสีย คือ ราคาแพง และถ้าอัตราการไหลของอากาศมากไปจะทำให้เกิดการฟุ้งของจุลินทรีย์ในอากาศที่ไหลเข้าทำให้เกิดการตกกระทบได้น้อยลง ส่วนวิธีการกรองในประเทศไทยยังไม่ได้นิยมใช้เพราะไม่เหมาะกับอากาศที่แห้งและร้อน ซึ่งทำให้จุลินทรีย์แห้งก่อนการวิเคราะห์ และเพื่อเป็นการลดอันตรายจากการสัมผัสจุลินทรีย์ในอากาศ การใช้วิธีการป้องกันไม่ให้สัมผัสกับจุลินทรีย์ รวมถึงการควบคุมไม่ให้ จุลินทรีย์เจริญเติบโตด้วยการควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเจริญเป็นสิ่งที่สามารถลดอันตรายของจุลินทรีย์ต่อสุขภาพของพนักงานได้
The interesting in microorganism that contaminated in workplace is increased. Due to some factories, such as agricultural products factory, there are microorganism growth factors and airborne microorganism in workplace which could attract to other aerosol and penetrate into bodies by inhaling. These cause higher averse effect to worker’s respiratory system than dust or microorganism exposure only. The releases of organic compounds from production and waste process are the nutrient of microorganism growing. Microorganism, such as bacteria, mold and toxin (endotoxin, mycotoxin) can grow better in areas where have high humidity, confindspace and poor of air ventilation and cause more health effects. The exposure assessment of airborne microorganism sampling is important for determination of health risk of exposed workers. Generally, exposure assessments of airborne microorganisms sampling methods are the sedimentation, impaction and filtration methods. The sedimentation is simple and cheap, but the sampling takes time. The impaction is the widely used method; the advantages of this method are the specified size and determine concentration of airborne microorganism per air unit, and the short timing of sampling. In contrast, its disadvantages are the high cost and the scattering of air microorganisms, in the high air-flowing area. The last method is filtration, which is not suitable to Thailand since our climate is hot and dry; this makes on the filter too dry for analysis. The prevention of exposure and control of microorganism growing factors can reduce of work’s health risk from airborne microorganism hazard.
ศิริลักษณ วงษวิจิตสุข. (2553). อันตรายและการควบคุมจุลินทรีย์ในอากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรม. วารสาร มฉก.วิชาการ 13 (26), 65-80.
อ่านบทความฉบับเต็ม