SIDEBAR
»
S
I
D
E
B
A
R
«
การสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงและแนวทางการพัฒนาระบบพยาบาลพี่เลี้ยง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ก.พ. 11th, 2016 by supaporn

การสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงและแนวทางการพัฒนาระบบพยาบาลพี่เลี้ยง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (Clinical Teaching of Preceptors and Directions for Preceptorship Development, Faculty of Nursing, Huachiew Chalermprakiet University)

บทคัดย่อ:

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย (descriptive research) มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพการสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยง กลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ จำนวน 227 ราย (นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จำนวน 110 ราย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 117 ราย) สำหรับกลุ่มตัวอย่างการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ จำนวน 29 ราย (นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่เคยเรียนวิชาภาคปฏิบัติกับพยาบาลพี่เลี้ยง จำนวน 7 ราย อาจารย์ประธานรายวิชาปฏิบัติการการพยาบาล จำนวน 3 ราย พยาบาลพี่เลี้ยง จำนวน 10 ราย พยาบาลวิชาชีพที่เป็นผู้ร่วมงานกับพยาบาลพี่เลี้ยงอย่างน้อย 2 ปีจำนวน 4 ราย และหัวหน้าหอผู้ป่วยในแหล่งฝึกปฏิบัติที่มีพยาบาลพี่เลี้ยง จำนวน 5 ราย เครื่องมือที่ใช้ในส่วนของเชิงปริมาณ ได้แก่ แบบสอบถามคุณภาพการสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยง และเครื่องมือที่ใช้ในส่วนของเชิงคุณภาพ ได้แก่ แนวคำถามสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก และแนวคำถามสำหรับการสนทนากลุ่ม ซึ่งเครื่องมือได้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (content validity) และทดสอบความเชื่อมั่น (reliability) ของแบบสอบถามคุณภาพการสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) 0.95 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้การวิเคราะห์ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติ MannWhitney U test ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) ผลการวิจัย พบว่า คุณภาพการสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงในด้านคุณลักษณะความเป็นครูโดยรวมอยู่ในระดับมาก (x– =4.48, SD=.494) และ ด้านการดำเนินการสอนของพยาบาลพี่เลี้ยง พบว่าเกือบทั้งหมดมีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ถึง มากที่สุด คือ ความสามารถในการแก้ปัญหาการฝึกปฏิบัติของนักศึกษา (x– =4.54, SD=.583) รองลงมา คือ นักศึกษาได้รับความรู้ ประสบการณ์ และเกิดทักษะจากการฝึกปฏิบัติ (x– =4.46, SD=.549) นอกจากนี้ พบว่า นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และ 4 มีคะแนนความคิดเห็นต่อคุณลักษณะความเป็นครูของพยาบาลพี่เลี้ยงและลักษณะการดำเนินการสอนภาคปฏิบัติโดยรวมแตกต่างกัน (p<.001) ส่วนผลการศึกษาเชิงคุณภาพประกอบด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ ประเด็นหลักที่ 1 ปัญหาของพยาบาลพี่เลี้ยงในการสอนภาคปฏิบัติ ซึ่งประกอบด้วย 2 ประเด็นรอง คือ ปัญหาของการนิเทศนักศึกษา และ ปัญหาความรู้ทางทฤษฎีไม่ได้รู้ลึกซึ้งมาก ประเด็นหลักที่ 2 ความต้องการของพยาบาลพี่เลี้ยงในการพัฒนาการสอน ประกอบด้วย 1 ประเด็นรอง คือ ความต้องการที่จะพัฒนาความรู้และประเด็นหลักที่ 3 แนวทางในการพัฒนาพยาบาลพี่เลี้ยงให้มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 2 ประเด็นรองคือ การได้มาซึ่งพยาบาลพี่เลี้ยง และระบบการเรียนการสอนและการติดตามผล

This research was a descriptive research, which aimed to study the preceptors’quality of clinical teaching. The samples of the quantitative research part were 227 nursing students, which consisted of 110 junior nursing students, and 117 senior nursing students. The samples of the qualitative research part were 7 junior nursing students who used to study with preceptors, 3 nursing instructors who were heads of nursing practice course, 10 preceptors, 4 registered nurses who had worked with preceptors, and 5 head nurses who were in the ward that preceptors have worked. The instrument of the quantitative research was the preceptors’ quality of clinical teaching questionnaire, whereas the instruments of the qualitative research were in-depth interview guidelines, and focus group guidelines. These instruments were validated and tested. The Cronbach’s alpha coefficient of preceptors’ quality of clinical teaching questionnaire was 0.95. For data analysis, the quantitative research part applied frequency, mean, standard deviation, and Mann-Whitney U test, whereas content analysis was used as data analysis in the part of qualitative research. The results revealed that the overall of the preceptors’ quality of clinical teaching specially on teacher characteristics was high level (x–=4.48, SD=.494). For the process of the preceptors’ teaching, it was found that almost all of the processes were high to highest level of quality, especially on the ability to solve the problem of the nursing students’ during their practices (x–=4.54, SD=.583). The second high level of quality was the acquiring knowledge, experiences, and skills of nursing students from their practices (x–=4.46, SD=.549). The comparison between the junior nursing students’ opinions and the senior nursing students’ opinions on the preceptors’ quality of clinical teaching showed that there were overall differences between the opinions on the characteristics of being a teacher and the process of clinical teaching (p<.001). In qualitative findings, it was found that there were three themes. The first theme was the problems of the receptors in their clinical teaching, which consisted of the problem of supervising students, and the problem of not having profound theoretical knowledge. The second theme was the demand of preceptors in teaching development, which consisted of the demand of knowledge development. The third theme was the direction for preceptorship development to apply their clinical teaching effectively, which consisted of the processes of obtaining preceptors, and the systems of teaching-learning and evaluations.

 

กนกพร นทีธนสมบัติ รัชนี นามจันทรา พรศิริ พันธสี และ อิสรีย์ เหลืองวิลัย. (2558). การสอนภาคปฏิบัติของพยาบาลพี่เลี้ยงและแนวทางการพัฒนาระบบพยาบาลพี่เลี้ยง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสาร มฉก. วิชาการ,19 (37), 71-88.

อ่านบทความฉบับเต็ม

100 ร้าน 1000 ดี อร่อยเลิศ กับคุณหรีด
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

100 ร้าน 1000 ดี อร่อยเลิศ กับคุณหรีด

100 ร้าน 1000 ดี อร่อยเลิศ กับคุณหรีด

หนังสือเล่มนี้รวบรวมรายการอาหารอร่อยนานาชนิดจาก 100 ร้านที่ “คุณหรีด” ฟู้ดกูรูทางด้านอาหารคนดังได้คัดสรรไว้ ซึ่งถือได้ว่ามีชื่อเสียงด้านความเชื่อมั่นในการเลือกร้านอร่อยเลิศในหมู่คนชอบรับประทานอาหารนอกบ้าน ในเล่มได้แบ่งแยกร้านอาหารออกเป็นหมวดหมู่ชัดเจน พร้อมบอกเมนูเด็ดประจำร้าน สถานที่ตั้ง และแผนที่ ถ่ายทอดในรูปแบบที่เข้าใจง่าย มีภาพสวยๆ ชวนให้อยากไปลิ้มลองสักครั้ง สำหรับผู้ที่นิยมทานอาหารนอกบ้านไม่ควรพลาด  หมวดหมู่ TX945 ห159 2557

รายการอ้างอิง

100 ร้าน 1000 ดี อร่อยเลิศ กับคุณหรีด. (2557). กรุงเทพฯ : บริษัท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทรี จำกัด.

 

แก่ไปไม่ป่วย (Health is wealth)
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

แก่ไปไม่ป่วย

แก่ไปไม่ป่วย

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงการมีสุขภาพดี มีร่างกายแข็งแรง เป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้ ต้องสร้างเสริมและสะสมด้วยตัวเอง ไปตามเวลา ไปตามวิถีการใช้ชีวิตของแต่ละคน สุขภาพดีต้องเริ่มต้นเดี๋ยวนี้ ต้องเริ่มปฏิบัติในวันนี้ พออายุมากขึ้น แก่ไป จะได้ไม่ป่วย แต่จะมีวิธีการปฏิบัติอย่างไรล่ะ จึงจะหล่อ สวย สุขภาพดี แก่ไปไม่ป่วย “แก่ไปไม่ป่วย : Health is Wealth” เล่มนี้ มีคำตอบที่สามารถปฏิบัติตามได้ง่ายๆ สำหรับผู้ที่รักสุขภาพไม่ควรพลาด  หมวดหมู่ WB327 ห183ก 2558

รายการอ้างอิง

หมอโอ๋. (2558).  แก่ไปไม่ป่วย [Health is wealth]. กรุงเทพฯ : ทัช พับลิเคชั่นส์.

รู้ก่อนสายพฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

รู้ก่อนสายพฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

รู้ก่อนสายพฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

“รู้ก่อนสาย พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง” เล่มนี้ อธิบายลักษณะและวิธีการใช้ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงปัญหาของโรคและความเจ็บปวดหลายๆ อย่างที่เราคุ้นหู ซึ่งอาจมีปัญหามาจาก “กระดูกสันหลังที่ผิดปกติ” และยังแนะนำการปรับเปลี่ยนท่าทางเพื่อปรับเปลี่ยนชีวิตและป้องกันโรคกระดูกสันหลังไว้ให้ศึกษาเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ ไม่ควรพลาด หมวดหมู่ WE725 ล511ร 2558

รายการอ้างอิง

ลี ดงยอบ. (2558). รู้ก่อนสายพฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง. กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น.

50 เมนูอาหารไทยทำง่ายอร่อยครบรส
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

50 เมนูอาหารไทยทำง่ายอร่อยครบรส

50 เมนูอาหารไทยทำง่ายอร่อยครบรส

รวมเมนูจานเด็ดอาหารไทยเลิศรสกว่า 50 เมนู โดยในเล่มได้ให้รายละเอียดของเครื่องปรุง ส่วนประกอบและวิธีทำโดยละเอียด พร้อมภาพตัวอย่างประกอบชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูเห็ดสมุนไพร แกงเลียงปลาทอด แกงส้มชะอมทอด แกงอ่อมไก่ ข้าวยำปักษ์ใต้ ไข่ยัดไส้ น้ำพริกกะปิ ปลากะพงนึ่งเต้าซี่ ผัดฉ่าปลาทอด ยำหมูย่าง ยำหัวปลี หน่อไม้หวานต้มกระดูกหมู และอื่น ๆ อีกมากมายในเล่ม สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารทุกท่าน โดยเฉพาะอาหารไทยไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ หมวดหมู่ TX724.5.T5 ส825ห 2557

รายการอ้างอิง

สุปราณี แพรศิริ. (2557). 50 เมนูอาหารไทยทำง่ายอร่อยครบรส. กรุงเทพฯ : เอ็มไอเอส.

การนำโปรแกรม Doku-wiki มาใช้ในการบริหารจัดการเอกสารของศูนย์บรรณสารสนเทศ
ก.พ. 11th, 2016 by supaporn

โปรแกรม Doku-wiki เป็นโอเพนซอร์สโปรแกรมหนึ่ง ที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปสร้างเนื้อหา เพิ่มเติม ปรับปรุง และแก้ไขเนื้อหา เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่สร้างองค์ความรู้ต่างๆ ขึ้นมากมาย จากการที่เริ่มต้นด้วยการเขียนจากบุคคลหนึ่ง และผู้เป็นสมาชิกอื่นๆ สามารถที่จะเข้าไปเพิ่มเติมเนื้อหา หรือปรับปรุงเนื้อหาได้ พร้อมทั้งสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ทำให้บทความหรือข้อมูลที่บันทึกไว้นั้น มีความสมบูรณ์ และติดตามอ่านได้ในแพลตฟอร์มเดียว

ด้วยจุดเด่นของ วิกิ ที่ให้มีการทำงานร่วมกันได้ อนุญาตให้สมาชิกอื่นๆ แก้ไขบทความเดิมได้ และด้วยรูปแบบคำสั่งที่ใช้งานง่าย ศูนย์บรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จึงได้นำเอาโปรแกรม Doku-wiki มาใช้ในการบริหารจัดการเอกสาร การจัดเก็บเอกสาร เพื่อการทำงานร่วมกันของศูนย์ฯ https://lib-km.hcu.ac.th/intranet/management

อินทราเน็ตของศูนย์บรรณสารสนเทศ

อินทราเน็ตของศูนย์บรรณสารสนเทศ

การนำโปรแกรม Doku-wiki มาใช้กับการทำงานหลักของศูนย์บรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ คือ การบันทึกการประชุมของผู้บริหารกับหัวหน้าแผนก เพื่อการดำเนินงานของศูนย์บรรณสารสนเทศ เกิดเป็น e-Meeting มีการบันทึกวาระการประชุม เอกสารประกอบการประชุมต่างๆ หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สามารถแนบไฟล์หรือเชื่อมโยงลิงก์ ทำให้การทำงานของผู้บริหารและหัวหน้าแผนก เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังเป็นการเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน องค์ความรู้ต่างๆ ซึ่งเพียงแต่บันทึกและแจ้งลิงก์ ก็สามารถปฏิบัติงานและหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ เพียงแต่ต้องมีการบริหารจัดการหมวดหมู่ในการใช้งานและให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงาน

ระบบจำนวน (Number systems)
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

ระบบจำนวน

ระบบจำนวน

หนังสือเล่มนี้เขียนจากประสบการณ์ในการสอนวิชาระบบจำนวน (Number Systems) ของผู้เขียนในเรื่องคณิตศาสตร์ที่ต้องการความชัดเจน มาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ โดยผู้เขียนได้ลำดับเนื้อหาตั้งแต่จำนวนธรรมชาติ จำนวนเต็ม จำนวนตรรกยะ และจำนวนจริง และจำนวยเชิงซ้อน โดยได้ยกตัวอย่างการนำไปใช้ ทั้งที่เป็นบทนิยาม ทฤษฎีบท แบบฝึกหัดในแต่ละบท หมวดหมู่ QA241 พ718ร 2558

รายการอ้างอิง

พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ. (2558). ระบบจำนวน [Number systems]. กรุงเทพฯ : วี.พริ้นท์ (1991).

ทิวลิปหลากสี : เรื่องเล่าชีวิตที่หลากหลายของผู้ป่วยพาร์กินสันพร้อมบทวิเคราะห์จาก ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ
ก.พ. 11th, 2016 by sirinun

ทิวลิปหลากสี

ทิวลิปหลากสี

หนังสือทิวลิปหลากสีเป็นหนังสือที่เขียนขึ้นจากชีวิตผู้ป่วยพาร์กินสัน 16 ท่านที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของอาการและมีวิธีรับมือกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อต้องอยู่ร่วมกับโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดนี้ได้ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.รุ่งโรจน์ พิทยศิริ และทีมแพย์ของศูนย์พาร์กินสันฯ โรงพยาบาลจุฬาฯ เขียนบทวิเคราะห์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องอาทิเช่น น.พ.ลัญฉน์ศักดิ์ อรรฆยากร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช อ.ปรียา หล่อวัฒนพงษา ผู้เชี่ยวชาญด้านอรรถบำบัด อ.ดร.สุรสา โค้งประเสริฐผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด และคุณวีรมลล์ จันทรดีนักสังคมสงเคราะห์ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นคู่มือสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแล ที่จะเรียนรู้และรับมือกับโรคพาร์กินสันได้อย่างดี  หมวดหมู่WL359 ท491 2558

รายการอ้างอิง

ทิวลิปหลากสี : เรื่องเล่าชีวิตที่หลากหลายของผู้ป่วยพาร์กินสันพร้อมบทวิเคราะห์จากทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ. (2558). กรุงเทพฯ : ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย.

 

ผลผลิตชีวมวลและประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียของสาหร่ายสไปรูลินา TISTR 8222
ก.พ. 10th, 2016 by supaporn

ผลผลิตชีวมวลและประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียของสาหร่ายสไปรูลินา TISTR 8222 (Biomass Production and Wastewater Treatment Efficiency of Spirulina TISTR 8222)

บทคัดย่อ:

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยในการเพาะเลี้ยง ปริมาณผลผลิตชีวมวลที่ได้จากการเพาะเลี้ยง ประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสีย และวิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตชีวมวลของสาหร่ายสไปรูลินา สายพันธุ์ TISTR 8222 โดยการศึกษาแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) การเพาะเลี้ยงด้วยอาหารที่มีสารอินทรีย์ (ซีโอดี) เป็นส่วนประกอบในปริมาณ 120, 220 และ 320 มิลลิกรัมต่อลิตร 2) การทดลองบำบัดน้ำเสียโดยใช้แบบจำลองการบำบัดน้ำเสียแบบเปิดและแบบเปิดเติมอากาศ 4 ชุดทดลอง คือ ชุดทดลองแบบเปิดเติมอากาศที่มีการเพิ่มแสงประดิษฐ์ ชุดทดลองแบบเปิดที่มีการเพิ่มแสงประดิษฐ์ ชุดทดลองแบบเปิดเติมอากาศที่ใช้แสงธรรมชาติ และชุดทดลองแบบเปิดที่ใช้แสงธรรมชาติ 3) การศึกษาวิธีเก็บเกี่ยวผลผลิตชีวมวลของสาหร่ายสไปรูลินาด้วยวิธีจาร์เทส จากผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยหลักในการเพาะเลี้ยง ได้แก่ ปริมาณแสงสว่างในช่วง 3,620-3,980 ลักซ์ โดยไม่จำเป็นต้องมีแหล่งคาร์บอน และสามารถทำการเพาะเลี้ยงได้ที่อุณหภูมิห้อง (26-30˚ องศาเซลเซียส) ซึ่งจากผลการทดลองเพิ่มแหล่งคาร์บอนในรูปของซีโอดี พบว่า ไม่สามารถช่วยเพิ่มผลผลิตชีวมวลของสาหร่ายสไปรูลินาได้ โดยปริมาณผลผลิตชีวมวลเมื่อทำการเพาะเลี้ยงเป็นระยะเวลา 27 วัน มีค่าเท่ากับ 1,731, 1,996 และ 1,637 มิลลิกรัมต่อลิตร อัตราการเพิ่มผลผลิตชีวมวลเท่ากับ 52.0, 61.5 และ 47.7 มิลลิกรัมต่อลิตรต่อวัน สำหรับชุดการทดลองที่มีสารอินทรีย์เป็นส่วนประกอบในอาหารที่ใช้ในการเพาะเลี้ยง 120, 220 และ 320 มิลลิกรัมต่อลิตร ตามลำดับ และสามารถประมาณการปริมาณผลผลิตชีวมวลได้โดยใช้สมการเส้นตรงหลังจากทำการเพาะเลี้ยงได้ 5 วัน นอกจากนี้ ผลการศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียของสาหร่ายสไปรูลินาโดยใช้ระบบบำบัดแบบเปิดและแบบเปิดเติมอากาศ เมื่อทำการบำบัดเป็นระยะเวลา 19 วัน โดยใช้น้ำเสียที่ผ่านการฆ่าเชื้อ พบว่า สามารถบำบัดซีโอดีได้ ร้อยละ 80, 82, 87 และ 83 บำบัดทีเคเอ็นได้ ร้อยละ 84, 91, 89 และ 40 และบำบัดฟอสฟอรัสทั้งหมดได้ ร้อยละ 32, 38, 25, และ 43 สำหรับชุดการทดลองที่ใช้น้ำเสียที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อมีประสิทธิภาพการบำบัดซีโอดี ร้อยละ 79, 78, 83 และ 86 บำบัดทีเคเอ็น ร้อยละ 85, 89, 80 และ 51 และบำบัดฟอสฟอรัส ร้อยละ 31, 0, 0 และ 22 สำหรับชุดการทดลองที่ 1-4 ตามลำดับ ทั้งนี้ จากการใช้การตกตะกอนด้วยเฟอริคคลอไรด์และสารส้ม ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตชีวมวลของสาหร่ายสไปรูลินาพบว่า ปริมาณที่เหมาะสม คือ 150 และ 200 มิลลิกรัมต่อลิตร

This research is an experimental research. The purpose of the research was to study the cultivation factors, the obtained biomass production, the wastewater treatment efficiency, and the harvest biomass of Spirulina TISTR 8222. The study consisted of three parts ; 1) the cultivation by using of medium contains organics (COD) in 120, 220, and 320 mg/L. 2) the testing of wastewater treatment by using of wastewater treatment model in open system and open-aerated system including four sub model types such as the model of open-aerated with the additional of artificial light, the model of open system with the additional of artificial light, the model of open-aerated with the natural light, and the model of open system with the natural light. The third part is the study of Spirulina biomass harvesting using Jar-test technique. From the results, it was found that the main factor for cultivation consisted of the light intensity in the range of 3,620-3,980 lux without any requirement for carbon source, and it could be cultivated under room temperature (26-30˚ºC). The result of carbon source addition in term of COD revealed that it did not help to increase Spirulina biomass production. After 27 days of cultivation, the biomass production was achieved at 1,731, 1,996, and 1,637 mg/L with the growth rate of 52.0, 61.5, and 47.7 mg/L/d for the treatment of organics containing in cultivated medium of 120, 220, and 320 mg/L,
respectively. The amount of biomass production could be predicted after 5 days of cultivation by using linear equation. Moreover, the study of wastewater treatment efficiency of Spirulina with the open and aerated-open treatment system showed that after 19 days of treatment using autoclaved wastewater, the COD removal of 80, 82, 87, and 83 percent, the TKN removal of 84, 91, 89, and 40 percent and the total phosphorus removal of 32, 38, 25, and 43 percent were achieved. For the treatment using non autoclaved wastewater, the COD removal of 79, 78, 83, and 86 percent, the TKN removal of 85, 89, 80, and 51 percent and the total phosphorus removal of 31, 0, 0, and 22 percent were observed for the treatment 1-4, respectively. Nevertheless, the testing of precipitation by ferric chloride and alum for harvesting of biomass production of Spirulina indicated that the appropriated dose was 150 and 200 mg/L.

 

ธีระพงษ์ บ้างบุญเรือง, ประวิทย์ คงจันทร์, นุชนาถ แช่มช้อย. (2558). ผลผลิตชีวมวลและประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียของสาหร่ายสไปรูลินา TISTR 8222. วารสาร มฉก. วิชาการ,19 (37), 55-70.

อ่านบทความฉบับเต็ม

ความแตกต่างของผลกระทบต่อการอยู่รอดของมะเร็งท่อน้ำดี จากการกระตุ้นด้วยทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟา
ก.พ. 10th, 2016 by supaporn

Differential Effects of TNF-alpha on the Viability of Cholangiocarcinoma Cell Lines (ความแตกต่างของผลกระทบต่อการอยู่รอดของมะเร็งท่อน้ำดี จากการกระตุ้นด้วยทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟา)

บทคัดย่อ:

The objective of this study is to investigate the sensitivity of cholangiocarcinoma (CCA) cells to TNF-alpha-induced apoptosis. Two cell lines established from Thai patients with cholangiocarcinoma, KKU-100 and KKU-M213, expressed TNF-alpha receptors I (TNFRI) and II (TNFRII) as shown by RT-PCR. These cells were subsequently subjected to a high dose of TNF-alpha (160 ng/ml) for 24 hours before the cytotoxicity was assessed by MTT assay. Neither KKU-100 nor KKU-M213 showed any sign of cytotoxicity by TNF-alpha, despite the presence of TNF-alpha receptors. Lack of effects on cell survival by TNF-alpha was further confirmed by DAPI staining which showed absence of condensed and fragmented nuclei, characteristics of apoptotic cells. These data indicated that the cholangiocarcinoma cell lines were resistant to apoptosis induced by TNF-alpha.

งานวิจัยในครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการทดสอบผลของทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟา (tumor necrosis factor-alpha) ต่อความไวต่อการเกิดอะโพโทซิส (apoptosis) ในเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี โดยทำการทดสอบในเซลล์มะเร็งท่อน้ำดีเพาะเลี้ยงของคนไทยสองชนิด คือ KKU-100 และ KKU-M213 เมื่อทดสอบโดยวิธี RT-PCR พบว่ามีแสดงออกของตัวรับ (receptor) ทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟาทั้ง TNFRI และ TNFRII เซลล์มะเร็งท่อน้ำดีทั้งสองชนิดนี้ถูกนำไปบ่มกับทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์ อัลฟาที่ความเข้มข้น 160 ng/mL เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์โดยใช้วิธี MTT พบว่าทูเมอร์เนโครซิ-สแฟคเตอร์อัลฟาไม่ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อเซลล์เพาะเลี้ยงทั้งสองชนิด แม้ว่าจะพบตัวรับต่อทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟา นอกจากนี้ การทดสอบยืนยันผลของทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟาต่อการอยู่รอดโดยวิธีการย้อมนิวเคลียสด้วย DAPI ในเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี พบว่า ทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟาไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดลักษณะเซลล์หดตัว และการแตกของนิวเคลียส ซึ่งเป็นลักษณะของอะโพโทซิสในเซลล์มะเร็งท่อน้ำดีเพาะเลี้ยงทั้งสองชนิดเช่นกัน ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า เซลล์มะเร็งท่อน้ำดีทั้งสองชนิดมีความต้านทานต่อการเกิดอะโพโทซิสในภาวะที่กระตุ้นด้วยทูเมอร์เนโครซิสแฟคเตอร์อัลฟา

Panthip Rattanasinganchan and  Rutaiwan Tohtong. (2558). Differential Effects of TNF-alpha on the Viability of Cholangiocarcinoma Cell Lines. วารสาร มฉก. วิชาการ,19 (37), 25-38.

อ่านบทความฉบับเต็ม

»  Substance:WordPress   »  Style:Ahren Ahimsa