SIDEBAR
»
S
I
D
E
B
A
R
«
ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
กุมภาพันธ์ 27th, 2016 by rungtiwa

ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

Factors Affecting Learning Achievement of the First Year Students at Huachiew Chalermprakiet University

บทคัดย่อ:

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยข้อมูลการศึกษาระดับมัธยมปลายปีที่ 6 และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ใน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสถานภาพทางสังคม แต้มเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมปลาย และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติจำนวนตัวอย่าง 207 คน เก็บรวบรวมข้ออมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทำการทดสอบความตรงเชิงโครงสร้าง เท่ากับ 0.58 ความเชื่อถือได้มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของคอนบรัค เท่ากับ 0.81 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สันจากผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่าง นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2548 ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในช่วงแต้มเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 1.50 – 3.25 ขึ้นไป พบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศหญิง อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ปีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย พักอาศัยอยู่กับเพื่อน มีเพื่อนขยันเรียนปานกลาง มีความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ดี มีมารดา เอาใจใส่ต่อการเรียน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เวลามีงานสังสรรค์เป็นบางครั้ง ไม่มีเพื่อนสนิทคนใดสูบบุหรี่ และเข้าร่วมกิจกรรมนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติเป็นบางครั้ง มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในทุกช่วงแต้มเฉลี่ยสะสม ตั้งแต่ร้อยละ 39.0 ขึ้นไป 2) ปัจจัยข้อมูลการศึกษาระดับมัธยมปลายปีที่ 6 ไม่มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในแต่ละช่วงแต้มเฉลี่ยสะสม 3) ปัจจัยที่ส่งงผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ได้แก่ ความพร้อมในการเรียน แรงจูงใจ การเชื่อมโยงการเรียนรู้ การรับรู้ ความจำ ความคิดสร้างสรรค์ มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาในทุกช่วงแต้มเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ร้อยละ 33.0 ขึ้นไป ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า 1) ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม และสถานภาพทางสังคม ไม่มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p < .05 2) แต้มเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมปลายมีความสัมพันธ์กันในระดับน้อยเชิงบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p < .01, r = .451 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนที่มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p < .05 ได้แก่ ความพร้อมในการเรียน ประกอบด้วยมีสมาธิระหว่างที่เรียน จดบันทึกเนื้อหาเพิ่มเติมระหว่างที่เรียน และการอ่านทบทวนหลังเลิกเรียน โดยมีค่า p = .013, p = .033 และ p = .037 ตามลำดบั การรบรับรู้ประกอบด้วย การกล้าซักถามอาจารย์ ผู้สอนในระหว่างที่เรียน โดยมีค่า p = .006 ความจำ ประกอบด้วย การสอนในลักษณะที่มีรูปภาพประกอบ การสอนในลักษณะที่มีการยกตัวอย่างประกอบ การสอนในลักษณะที่มีการทดสอบและเฉลยคำตอบบ่อย ๆ การอ่านหนังสือโดยอาศัยความเข้าใจก่อนสอบ การอ่านหนังสือแบบอ่านบ่อยๆ ก่อนสอบ และการอ่านหนังสือโดยการทบทวนเป็นระยะก่อนสอบ โดยมีค่า p = .019, p = .001, p = .046, p = .001, p = .016 และ p = .040 ตามลำดับ ความคิดสร้างสรรค์ ประกอบด้วย เวลามีปัญหาด้านการเรียนสามารถแก้ไขได้โดยไม่กระทบต่อคนรอบข้าง โดยมีค่า p = .030 และจำนวนวิชาที่เรียนพบว่า มีความสัมพันธ์กันในระดับน้อยมากเชิงบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p < .05, r = .176 ข้อเสนอแนะของการวิจัยครั้งนี้ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมมากขึ้นในกลุ่มนักศึกษาที่มีแต้มเฉลี่ยในระดับต่ำถึงระดับต่ำมากในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการสอนของอาจารย์ เช่น การสอนที่มีรูปภาพประกอบ การยกตัวอย่างประกอบ การทดสอบและเฉลยคำตอบบ่อยๆ ในห้องเรียน นอกจากนี้ ควรวิเคราะห์ถึงผลการประเมินการสอนอาจารย์จากนักศึกษากับแต้มเฉลี่ยสะสมด้วย

This research aimed to study the correlation between personal factors, the learning of upper secondary school data and factors affecting learning achievement of the first year students at Huachiew Chalermprakiet University. This hypothesis was to study the correlation between socioeconomic, social status, cumulative grade point average of upper secondary school and factors affecting learning achievement of the first year students at Huachiew Chalermprakiet University. The sample of study consisted of 207 students. The tool used in the research was the questionnaire developed by the researcher. A group of experts had determined the content validity and construct validity of the questionnaire to be 0.58 and the Conbrach Alpha Coefficient was used to deter-mine a reliability. Data were analysed by using frequency, percentages, mean, chi-square test and pearson’s correlation coefficient. The subjects of this study were the first year students who were learning in academic year 2005 at Huachiew Chalermprakiet University and had a cumulative grade point average (GPA) between 1.50 and 3.25. The results were as follows :

1) The personal factors were being female, being lower or equal 20 years old, having enough income to cover expenses, staying with friends, having friends who learn in a moderate level, having a good interrelationship with family, having material circumstances which are helpful to learning, sometimes drinking alcohol, not having friends who smoke and sometimes participate in the student activities. These with the learning achievement in the upper 39 percent range of cumulative grade point average.

2) The learning of upper secondary school data didn’t correlate with learning achievement in the entire range of cumulative grade point average.

3) The factors affecting learning achievement correlate with the learning achievement in the upper 33 percent range of cumulative grade point average.
The results showed that 1) the socioeconomic and social status had no statistically significant correlatetion with the learning achievement at a level of .05 2) the cumulative grade point average had statistically significant positive correlation with learning achievement at a low level (r = .451) 3) the factors affecting learning had statistically significant correlation with the learning achievement at the level of .05. Those factors include the readliness of the students in the classroom (p = .013), attending lectures in the classroom (p = .033), reading and reviewing after an hour of teaching (p = .037). The perception was composed of asking the teacher during an hour of teaching (p = .006). The retention of teaching was composed of using pictures (p = .019), giving examples (p = .001), having regular tests and answering questions (p = .046), reading books by understanding (p = .001), the frequency of reading books (p = .016), reading and reviewing the lessons before taking tests (p = .040). The creativity was composed of the ability to solve problems independently (p = .030). Finally the subject number had a statistically significant positive correlation with learning achievement at a low level (r = .176). The suggestion of this study is to devote further study of the low and lowest GPA level of students at Huachiew Chalermprakiet University about the correlation between learning achievement and the teaching models used by teachers such as using pictures, giving examples, and having tests and answer in classroom. The results of teaching evaluation from students should be analyzed.

ฉัตรปวีณ จรัสวราวัฒน. (2552). ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสาร มฉก.วิชาการ 12 (24), 33-52.

อ่านบทความฉบับเต็ม


Comments are closed

»  Substance:WordPress   »  Style:Ahren Ahimsa