กิจกรรม เรื่อง “Keep Your Heart Strong … in Digital Era” จงมีหัวใจที่เข้มแข็ง….ในยุคดิจิทัล เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ดิจิทัล ซึ่งจัดโดยศูนย์ดิจิทัลเพื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ณ ห้องสื่อประสม ชั้น 2 อาคารบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยมีวิทยากรที่ให้ความกรุณามาบรรยายในหัวข้อนี้ คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนันท์ ศิริเจริญ อาจารย์ จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
![](https://lib-km.hcu.ac.th/wp-content/uploads/2020/12/Capture1-300x142.png)
วิทยากรถ่ายภาพร่วมกับผู้เข้ากิจกรรม
ซึ่งเป็นหนึ่งในที่กิจกรรมที่ส่งเสริมการให้ความรู้ทางวิชาการเพื่อการปรับตัวของผู้คนยุคใหม่ให้ทันโลกในยุคดิจิทัล และเพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้รับความรู้และนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเพื่อห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บ
วิทยากรได้ถ่ายทอดความรู้เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถนำไปฝึกปฎิบัติได้จริง มีการทำ workshop ซึ่งเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีกิจกรรม และเกมส์ พร้อมรางวัลมาแจกให้ได้ลุ้นตลอดเวลา เช่น การวาดรูปบุคคลในดวงใจที่ไม่สามารถลืมได้ การร้องเพลงประกวดบนเวทีหรือ Best talent singing contest ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้กล้าแสดงออกต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก และจดจำบทเพลงที่ตัวเองชื่นชอบได้ในเวลาจำกัด และการตอบปัญหาชิงรางวัลกับความรู้รอบตัว
![](https://lib-km.hcu.ac.th/wp-content/uploads/2020/12/Capture2-300x182.png)
สรุปเนื้อหาสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรม
การจะทำอย่างไรให้หัวใจเข้มแข็งได้ หรือจงมีหัวใจที่เข้มแข็ง วิธีง่ายๆ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำตามคนอื่นที่ชวนทำในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เป็นที่พึ่งของตัวเอง ใจก็ต้องมีคุณธรรมที่สูงด้วย จะต้องมีความสุขกับปัจจุบัน ส่วนอนาคตก็พร้อมจะเผชิญ ถ้าคิดดีทำดีหรือ มีเหตุดีแล้วผลก็ย่อมจะดีตามไปด้วย นอกจากนี้ จะต้องมี ”หัวใจที่เข้มแข็งทั้งในเรื่องการทำงาน และการใช้ชีวิต (Work-Life Balance)” หรือการใช้ชีวิตให้สมดุลกันทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิตในยุคที่ต้องเชื่อมโยงชีวิตกับ “สารสนเทศ” และ “ดิจิทัล”
โรคหัวใจ ไม่ได้เกิดกับแค่ผู้สูงอายุหรือเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนและ โรคหัวใจเกิดจาก 5 ปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้
- การสูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่จัดโอกาสเสี่ยงสูงกว่าคนไม่สูบบุหรี่
- อายุ คนอายุ 40 ปี ขึ้นไป ทั้งชายและหญิงถ้าไม่หมั่นดูแลร่างกาย ไม่ออกกำลังกายย่อมมีโอกาสเสี่ยงสูง
- โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงก็โอกาสมีเป็นโรคหัวใจสูงเช่นกัน
- ไขมันในเลือดสูง ก็ยิ่งอันตรายและน่ากลัวมากเช่นกัน
- ความดันโลหิตสูง ย่อมเอื้อต่อการเป็นโรคหัวใจและก่อเกิดอันตรายได้ถือเป็นฆาตกรเงียบ
นอกจากนี้ “ดวงตา” ยังบ่งบอกต่ออาการเกิดโรคต่างๆ ได้ ควรหมั่นสังเกตุดูอาการดังต่อไปนี้เช่น ตาขาวสีแดง อาจจะระคายเคือง ตาบวม ดวงตาดำคล้ำ ตาดำมีสีขาวขุ่น (อาจจะสู่ภาวะโรคต้อกระจก) ตาดำเป็นสีเขียว (ภาวะการเป็นต้อหิน) มีจุดเหลืองตรงหัวตา ตาขาวมีสีเหลือง อาจเกิดการผิดปรกติของดวงตาได้
วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้อายุยืนนานโดยไม่ต้องลงทุนหรือเสียเงิน
- การสะบัดมือเป็นวิธีง่ายๆ ยังสามาถช่วยดูแลสุขภาพให้นิ้วมือแข็งแรงได้ ไม่ปวดบ่า ไหล่ หรือยังทำให้แขนแข็งแรง ควรทำอย่างน้อยครั้งละ 3 นาที ถ้าทำเกินวันละ 10 นาที จะช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยที่เริ่มอุดตันกลับมาฝื้นตัวได้อีกด้วยโดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไป หรืออายุมากๆยิ่งมีโอกาสอุดตันสูง
- การบริหารลิ้นโดยการแลบลิ้นไปมาจะช่วยทำให้ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าเข้าสู่วัยชราคือ “อาการลิ้นแข็ง”
พัฒนาทักษะการใช้สื่อดิจิทัล สื่อสังคม Social media และสารสนเทศต่างๆ จากสื่อออนไลน์
- เพื่อพักผ่อนให้ชีวิตมีความอภิรมย์ เกิดสุนทรียะ เกิดความเพลิดเพลินใจ
- เพื่อประยุกต์ให้เข้ากับการทำงานภารกิจหน้าที่ของแต่ละคน ที่แตกต่างกันออกไป
ข้อควรระวังการใช้ สื่อ Social Media ในที่ทำงาน
- บ่นไปทุกเรื่อง เช่น เขียนลงเฟสบุ๊คส์ เรื่องที่ทำงานเพื่อระบายอารมณ์ ปลดปล่อยความเครียด ความกดดันจากที่ทำงาน
- โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท เคยมีข่าวดังข่าวหนึ่ง มีการขุดคุ้ยประวัติใน Social Media ของชายหนุ่มผู้หนึ่ง แล้วพบข้อความวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทยอย่างรุนแรง เพียงแค่ชั่วข้ามคืนทำให้กลายเป็นบุคคลในข่าวด้านลบ จนบริษัทต้นสังกัดต้องให้ออกจากงาน
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น เพราะเสี่ยงต่อการถูกขโมยอัตลักษณ์บุคคล (Identity Theft) หรือ ขโมยข้อมูลประจำตัวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้มิจฉาชีพฉกฉวยข้อมูลได้
- แชร์ข่าวปลอม ปล่อยข่าวลือ เพราะความล้ำยุคของเทคโนโลยีสมัยนี้ ทำให้เกิดการตัดต่อรูปภาพ ดัดแปลงข้อมูลและทำได้แนบเนียนมาก เพราะฉะนั้นเวลาเกิดดราม่าข้อถกเถียงใน Social media อย่าเพิ่งรีบแชร์ ควรฟังความเห็นหลายๆ มุมก่อน เพราะอาจกลายเป็นกระบอกเสียงกระจายข่าวปลอมโดยไม่รู้ตัวและอาจมีความผิดโดยไม่รู้ตัวก็ได้