SIDEBAR
»
S
I
D
E
B
A
R
«
การลักลอกทางวิชาการในบริบทของการวิจัย
กุมภาพันธ์ 9th, 2016 by supaporn

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การลักลอกทางวิชาการในบริบทของการวิจัย (Plagirism in Academic Research) ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ชั้น 5 อาคารเทพรัตน์วิทยาโชติ สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ผอ. สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเปิดงาน

ผอ. สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเปิดงาน

โดย อาจารย์ ดร. ทรงพันธ์ เจิมประยงค์ ภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร

อาจารย์ ดร. ทรงพันธ์ เจิมประยงค์ ขณะบรรยาย

อาจารย์ ดร. ทรงพันธ์ เจิมประยงค์ ขณะบรรยาย

สรุปประเด็นต่างๆ ได้ดังนี้

ความหมาย การลักลอกทางวิชาการ (Plagirism) คือ การขโมยผลงานและความคิดของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง

ลักษณะของการเข้าข่ายลักลอกผลงานทางวิชาการ เรียงลำดับจากระดับร้ายแรงที่สุด มีดังนี้

  1. Identity theft การขโมย ทำซ้ำ จัดซื้อ จัดจ้างเอกสารทั้งชุด และถือว่าเป็นงานของตนเอง
  2. Copy cat คัดลอกส่วนของงานจำนวนมาก (ทั้งย่อหน้า หรือส่วน) ไม่มีการแก้ไขงานที่คัดลอก ไม่ได้อ้างถึงต้นฉบับ
  3. Cherry pick คัดลอกส่วนของงานจำนวนมาก (ทั้งย่อหน้า หรือส่วน) แก้ไขบางคำหรือบางวลี ไม่ได้อ้างถึงต้นฉบับ
  4. Mitosis นำงานเดิมของตนเองทั้งชิ้นมาใช้ ไม่ได้อ้างอิงตนเอง (Self plagiarism)
  5. Recycle นำงานเดิมของตนเองบางส่วนแต่จำนวนมากมาใช้ ไม่ได้อ้างถึงตนเอง
  6. Remix ถอดความจากหลายแหล่งแล้วนำมาผสมกัน ไม่ได้อ้างอิงถึงเจ้าของผลงาน
  7. Ghost citation อ้างอิงผลงานที่ไม่มีอยู่จริง แต่งเรื่องในสิ่งที่แหล่งข้อมูลไม่ได้กล่าวไว้
  8. Half-n-half อ้างถึงผลงานจำนวนมากได้อย่างถูกต้อง แต่ไม่อ้างถึงแหล่งข้อมูลบางชิ้น
  9. Warp ตีความไม่ถูกต้อง อ้างถึงผลงานในบริบทที่ไม่ตรงกับแหล่งอ้างอิง
  10. Mosaic อ้างอิงทุกอย่างถูกต้อง แต่มีส่วนที่เป็นความคิดของตนเองน้อยมาก
  11. Reflection อ้างอิงทุกอย่างถูกต้อง แต่งานยังสะท้อนงานของคนอื่น
  12. Miscue รายการอ้างอิงมีส่วนที่ผิดเล็กน้อย เช่น ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง ปีที่พิมพ์ หรือใช้คำผิด เป็นต้น
  13. Half hearted รายการอ้างอิงถูกต้องทุกส่วน แต่ขาดข้อมูลที่จะช่วยให้ผู้อื่นหาแหล่งที่มาได้ง่าย เช่น เลขหน้า URL, DOI ชื่อสำนักพิมพ์ เป็นต้น

การป้องกันการลักลอก

ในการเขียนผลงานวิจัย ควรมีความระมัดระวังในการใช้ข้อความ และรายการบรรณานุกรม/รายการอ้างอิง ซึ่งจะต้องมีรูปแบบถูกต้อง ครบถ้วน และจำนวนเหมาะสม

ข้อความที่นำมาเรียบเรียงในผลงานนั้น ต้องเกิดจากการพิจารณาว่าเป็นข้อความที่ควรค่าแก่การให้เครดิต (Credit worthy) ซึ่งจะมีเทคนิคในการนำข้อความเหล่านั้น มาโดย การถอดความ การสรุปความ และการคัดลอก

การถอดความ เป็นการเรียบเรียงข้อมูลและแนวความคิดที่สำคัญของผู้อื่นในรูปแบบใหม่

ขั้นตอนการถอดความ

  1. อ่านข้อความต้นฉบับ จนเข้าใจความหมายทั้งหมด
  2. ปิดข้อความต้นฉบับ แล้วเรียบเรียงใหม่ตามความเข้าใจของตนเอง
  3. เขียนกำกับว่าจะใช้ข้อความนี้อย่างไร ใส่คำสำคัญหรือวลีที่อธิบายประเด็นที่ถอดความ
  4. ตรวจสอบความถูกต้อง ความครบถ้วนของประเด็นที่ถอดความออกมา
  5. ใช้เครื่องหมาย “อัญประกาศ” รอบคำที่เป็นเอกลักษณ์หรือคำใหม่ที่ยืมมาจากต้นฉบับ
  6. บันทึกแหล่งที่มา

การสรุปความ หรือย่อความ คือ อ่านประเด็น ก ประเด็น ข ประเด็น ค แล้วสรุป

การคัดลอก คือ การเอาข้อความนั้นๆ มาเหมือนเดิมทุกประการจากต้นฉบับ ตั้งแต่ คำ/วลี/ประโยค/ย่อหน้า หรือแม้แต่เว้นวรรค รูปแบบการคัดลอก

  • ข้อความไม่เกิน 3 บรรทัด
    • เขียนแทรกไปในเนื้อหารายงาน
    • ใส่เครื่องหมายอัญประกาศกำกับ
      ตัวอย่าง
      นิศาชล งามประเสริญ และ จิราวัลย์ จิตรถเวช (๒๕๕๘) พบว่า “วิธีการคัดเลือกตัวแปรอิสระเข้าสู่ตัวแบบโดยใช้วิธีการค้นหาแบบต้องห้ามที่ใช้ฟังก์ชั่นเป้าหมายเป็นค่าความคลาดเคลื่อนกำลังสองเฉลี่ยปรับด้วยฟังก์ชันการลงโทษ” เป็นวิธีการคัดเลือกตัวแปรอิสระที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุที่ตัวแบบมีตัวแปรอิสระ 1 คู่มีความสัมพันธ์กันสูง
  • ข้อความเกิน 3 บรรทัด
    • ขึ้นย่อหน้าใหม่ และเว้นระยะจากริมหน้ากระดาษทั้งสองด้านเข้ามากกว่าเนื้อความส่วนอื่นในรายงาน
    • ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศกำกับข้อความตัวอย่าง
ตัวอย่างการคัดลอกข้อความเกิน 3 บรรทัด

ตัวอย่างการคัดลอกข้อความเกิน 3 บรรทัด

การอ้างอิง

ให้ดำเนินการตามรูปแบบที่แต่ละ community วางเอาไว้ เช่น การลงผลงานในวารสาร หรือแต่ละสำนักพิมพ์ ที่จะมีการกำหนดรูปแบบให้ใช้การอ้างอิงไม่เหมือนกัน ในการเขียนรายการบรรณานุกรม/รายการอ้างอิง มีประเด็นสังเกต ดังนี้

  • รูปแบบย่อหน้า/รายการ/เชิงอรรถ
  • ประเภทของเอกสาร
  • การจัดเรียงองค์ประกอบ เช่น ชื่อผู้แต่ง ปี ชื่อเรื่อง …
  • การจัดเรียงรายการบรรณานุกรม
  • เครื่องหมาย สัญลักษณ์
  • การเว้นวรรค
  • การเน้น (มีการให้เน้น ชื่อเรื่อง ชื่อวารสาร หรือชื่อการประชุม หรือไม่)
  • ตัวอักษรเล็ก ใหญ่
  • เมื่อมีมากกว่า 1 องค์ประกอบ (ผู้แต่งมากกว่า 3 คน มากกว่า 6 คน…)
  • เมื่อไม่มีองค์ประกอบ เช่น หาปี หรือสำนักพิมพ์ ไม่พบ จะต้องเขียนอย่างไร

ปัจจุบันในการทำรายการบรรณานุกรม/รายการอ้างอิง มีเครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ในการจัดการบรรณานุกรม/รายการอ้างอิง อยู่หลายโปรแกรม ได้แก่

  • BibDesk
  • KBibTex
  • JabRef
  • Endnote
  • RefWork
  • Mendeley
  • Zotero

กรณีที่ไม่มั่นใจ ควร

  • เริ่มต้นจากความเข้าใจของตนเองก่อน
  • อ้าง
  • ถอดความ
  • ใส่เครื่องหมายอัญประกาศหากคัดลอก
  • ถามผู้รู้
  • ขออนุญาต/ติดต่อเจ้าของผลงาน

Comments are closed

»  Substance:WordPress   »  Style:Ahren Ahimsa